การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประเมินและตรวจสอบสภาพของน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับการใช้งานต่าง ๆ เช่น การดื่ม การชลประทาน หรือการใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรม กระบวนการตรวจวิเคราะห์นี้จะวิเคราะห์ตัวแปรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น:
ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH): วัดความเป็นกรดหรือด่างของน้ำ ค่าที่เหมาะสมสำหรับน้ำดื่มจะอยู่ระหว่าง 6.5 ถึง 8.5
ความขุ่น (Turbidity): วัดความขุ่นมัวของน้ำ ค่าความขุ่นสูงอาจบ่งบอกถึงการมีตะกอนหรือสารแขวนลอย
TDS (Total Dissolved Solids) หรือปริมาณของแข็งละลายทั้งหมดในน้ำ เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพน้ำ โดย TDS คือการวัดปริมาณของสารที่ละลายอยู่ในน้ำ ซึ่งประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เกลือ อิเล็กโทรไลต์ และสารอื่น ๆ ที่ไม่เป็นสารอินทรีย์ โดยปกติแล้ว TDS จะวัดเป็นหน่วย "มิลลิกรัมต่อลิตร" (mg/L) หรือ "ส่วนในล้านส่วน" (ppm - parts per million)
ค่าความนำไฟฟ้า (Conductivity): วัดความสามารถในการนำไฟฟ้าของน้ำ ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณเกลือหรือแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ
Chloride ion (ไอออนคลอไรด์, Cl⁻) เป็นไอออนที่เกิดจากการแตกตัวของสารประกอบเกลือ เช่น โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ในน้ำ ไอออนคลอไรด์เป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักของสารละลายในน้ำธรรมชาติและมีความสำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพน้ำ เนื่องจากสามารถมีผลต่อรสชาติของน้ำและความเป็นกรด-ด่างของน้ำ
Total Iron (ปริมาณเหล็กรวม) เป็นการวัดปริมาณเหล็กทั้งหมดที่มีอยู่ในน้ำ ซึ่งประกอบด้วยทั้งเหล็กในรูปของเหล็กเฟอรัส (Fe²⁺) และเหล็กเฟอริก (Fe³⁺) รวมถึงเหล็กที่อยู่ในรูปของอนุภาคแขวนลอยหรือสารประกอบอื่น ๆการวิเคราะห์สารพิษและสารเคมี: เช่น การตรวจหาสารพิษ, สารเคมีจากอุตสาหกรรม, หรือยาฆ่าแมลงที่อาจตกค้างอยู่ในน้ำ
การตรวจวิเคราะห์เหล่านี้จะต้องดำเนินการโดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลที่น่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ในการวางแผนหรือดำเนินการต่อไปได้อย่างเหมาะสม