น้ำ RO (Reverse Osmosis) และน้ำ DI (Deionized Water) มีความแตกต่างหลักๆ ในกระบวนการผลิตและคุณสมบัติของน้ำที่ได้ ดังนี้:
1. กระบวนการผลิต
2. คุณสมบัติของน้ำ
-
น้ำ RO:
- คุณสมบัติ: น้ำ RO มีความบริสุทธิ์สูง แต่ยังคงมีปริมาณไอออนต่ำ อาจมีค่า TDS (Total Dissolved Solids) อยู่ในระดับต่ำ แต่ไม่ถึงขั้นไร้ไอออน
- ค่า Conductivity: มักมีค่า conductivity ต่ำกว่า 10 µS/cm แต่ยังมีไอออนบางชนิดที่ผ่านเมมเบรนได้
-
น้ำ DI:
- คุณสมบัติ: น้ำ DI มีความบริสุทธิ์สูงสุด โดยแทบไม่มีไอออนหรือสารละลายที่มีประจุอยู่ในน้ำ
- ค่า Conductivity: มักมีค่า conductivity ต่ำมาก ต่ำกว่า 1 µS/cm เนื่องจากน้ำ DI ถูกลบไอออนทั้งหมดออก
3. การใช้งาน
-
น้ำ RO:
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับการใช้ในกระบวนการที่ต้องการน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงแต่ไม่จำเป็นต้องไร้ไอออนทั้งหมด เช่น การดื่มน้ำ การผลิตอาหาร หรือการบำบัดน้ำเสีย
-
น้ำ DI:
- การใช้งาน: ใช้ในกรณีที่ต้องการน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก เช่น การใช้งานในห้องปฏิบัติการ การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ การผลิตยา หรือการใช้ในกระบวนการที่มีความไวสูงต่อสารละลายและไอออน
4. ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา
-
น้ำ RO:
- ค่าใช้จ่าย: การผลิตน้ำ RO อาจมีต้นทุนการติดตั้งและการบำรุงรักษาต่ำกว่าน้ำ DI เนื่องจากระบบ RO ใช้ไส้กรองที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยและมีการบำรุงรักษาง่ายกว่า
- การบำรุงรักษา: ระบบ RO ต้องการการบำรุงรักษา เช่น การเปลี่ยนไส้กรองและการล้างเมมเบรน
-
น้ำ DI:
- ค่าใช้จ่าย: การผลิตน้ำ DI อาจมีต้นทุนสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้เรซินแลกเปลี่ยนไอออนที่มีการเปลี่ยนแปลงและบำรุงรักษาบ่อย
- การบำรุงรักษา: ระบบ DI ต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนเรซินแลกเปลี่ยนไอออนและการตรวจสอบคุณภาพน้ำ
โดยสรุป น้ำ RO และน้ำ DI มีความแตกต่างกันในด้านกระบวนการผลิตและคุณสมบัติของน้ำที่ได้ โดยน้ำ RO มีความบริสุทธิ์สูงแต่ยังมีไอออนบางชนิดอยู่ในน้ำ ในขณะที่น้ำ DI มีความบริสุทธิ์สูงที่สุดด้วยการกำจัดไอออนทั้งหมดออกจากน้ำ