การเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมต้องพิจารณาจาก แหล่งน้ำ และ คุณภาพน้ำ ที่ใช้ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงความต้องการในการกรองน้ำของคุณ
✅ น้ำประปา (Tap Water)
✅ น้ำบาดาล (Groundwater / Well Water)
✅ น้ำจากแม่น้ำ, คลอง, หรือน้ำฝน
✅ เหมาะสำหรับ: น้ำประปา / น้ำฝน
🔹 สามารถกรองตะกอน, ฝุ่น, และแบคทีเรียขนาดใหญ่
🔹 ไม่สามารถกรองโลหะหนักหรือสารเคมี
✅ เหมาะสำหรับ: น้ำประปา
🔹 ช่วยกำจัด กลิ่น, คลอรีน, สารอินทรีย์ และสารเคมีบางชนิด
🔹 ไม่สามารถกรองแบคทีเรียหรือโลหะหนัก
✅ เหมาะสำหรับ: น้ำประปา / น้ำบาดาลที่สะอาด
🔹 สามารถกรองเชื้อโรคและแบคทีเรียบางชนิด
🔹 ไม่สามารถกรองสารละลายทางเคมี เช่น โลหะหนักหรือเกลือแร่
✅ เหมาะสำหรับ: น้ำบาดาล / น้ำจากแม่น้ำหรือคลอง
🔹 สามารถกรอง โลหะหนัก, สารเคมี, เชื้อโรค, และเกลือแร่ส่วนเกิน
🔹 ได้ น้ำบริสุทธิ์ 99.9% แต่จะเสียแร่ธาตุบางชนิดไป
🔹 มีน้ำทิ้งจากกระบวนการกรอง
✅ เหมาะสำหรับ: น้ำประปา / น้ำฝน / น้ำจากแหล่งธรรมชาติ
🔹 ใช้แสง UV หรือโอโซนฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย
🔹 ไม่สามารถกรองตะกอนหรือสารเคมี
✅ ขนาดของเครื่องกรองน้ำ
✅ อัตราการกรองน้ำ (L/hr)
✅ การบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรอง
✅ งบประมาณ
ลักษณะน้ำ | เครื่องกรองที่แนะนำ |
---|---|
น้ำประปา | คาร์บอน / UF / UV |
น้ำบาดาล | RO / คาร์บอน + UF |
น้ำฝน | คาร์บอน + UV |
น้ำคลอง / แม่น้ำ | RO + UV |
✅ 1. ตรวจสอบแหล่งน้ำ – ประปา, บาดาล, แม่น้ำ หรือฝน
✅ 2. เลือกประเภทเครื่องกรอง – คาร์บอน, UF, RO, UV ฯลฯ
✅ 3. เช็คความสามารถในการกรอง – ตะกอน, โลหะหนัก, เชื้อโรค
✅ 4. คำนึงถึงงบประมาณและค่าดูแลรักษา
✅ 5. เปรียบเทียบขนาดและปริมาณน้ำที่รองรับ
💡 Tip: ถ้าคุณไม่แน่ใจคุณภาพน้ำในพื้นที่ของคุณ ควรทดสอบคุณภาพน้ำก่อนซื้อเครื่องกรองหรือปรึกษาทีมงาน Nano
เพื่อให้ได้ระบบกรองที่เหมาะสมที่สุดค่ะ ✅